พระราชวังอิมพีเรียล (Imperial Palace) เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิญี่ปุ่นตลอดจนราชวงศ์อิมพีเรียล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโตเกียว พระราชวังนี้แต่เดิมเป็นที่ตั้งของปราสาทเอโดะ พระราชวัง (โคเคียว) ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีโตเกียว ปัจจุบันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น  ยกเว้นกรณีพิเศษที่จะเปิดให้เข้าชมได้ในวันที่ 23 ธันวาคม และ 2 มกราคมของทุกปี ในเขตพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าชมตลอดทั้งปี ยกเว้น วันจันทร์ วันศุกร์และโอกาสพิเศษ สวนแห่งนี้จัดได้อย่างสวยงาม ล้อมรอบด้วยคูน้ำของปราสาท ตกแต่งด้วยศาลาจิ

              ในการเข้าชมพระราชวังจะมีมัคคุเทศก์ของสำนักพระราชวังเป็นเจ้าหน้าที่นำชม โดยบรรยายเป็นภาษาญี่ปุ่น พร้อมหนังสือนำเที่ยวและสื่อนำเที่ยวที่พากย์เสียงเป็นภาษาอังกฤษ ประกอบการนำเที่ยวชม การเข้าชมพระราชวังต้องสำรองล่วงหน้ากับสำนักพระราชวังของญี่ปุ่น โดยปกติพระราชวังแห่งนี้ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมบริเวณด้านใน

              จุดยอดนิยม สำหรับนักท่องเที่ยวทัวร์ญี่ปุ่นนั้น เห็นจะเป็นบริเวณโซนด้านหน้าพระราชวังที่เรียกว่านิจูบาชิ (Nijubashi) ซึ่งแปลว่า Double Bridge หรือ สะพานคู่ ซึ่งบริเวณนี้จะมีสะพานเหล็กที่อยู่ด้านหลังเพื่อเชื่อมเข้าเขตพระราชวัง และสะพานหินที่อยู่ด้านหน้าเพื่อเชื่อมต่อสู่สะพานเหล็ก (ที่มักปรากฏในรูปถ่ายนั่นเอง) ซึ่งสะพานด้านหน้านี้มักนิยมเรียกกันว่าเมกะเนะบาชิ (Meganebashi) หรือแปลความหมายได้ว่าสะพานแว่นตา ซึ่งมาจากภาพสะท้อนน้ำของโค้งหินสองอันนั่นเองบน้ำชา สระบัวกลางน้ำและน้ำตกอย่างสวยงาม…ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรีเวลาเปิด-ปิด : 9:00-17:00 น. แต่ละวันจะมีรอบเข้าชมพระราชวังหลายรอบ โดยให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อเช็คเวลาเข้าชมสำหรับใครที่มาเป็นกรุ๊ป ทัวร์ต้องทำการจองล่วงหน้าพร้อมกับแสดงพาสปอร์ต สามารถทำการจองได้ที่ Imperial Household Agency Office โดยออฟฟิศเปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์เวลา 8:45-12:00 และ 13:00-17:00 ... อ่านต่อ

ที่มา http://roojingjapan.com / http://www.ilovetogo.com

ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียว และโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุดคือนั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่ง ระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโตและโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิคือช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาทีหลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ
     
         เชื่อว่ามีผู้ปีนเขาฟุจิ ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1206 โดยนักบวชท่านหนึ่ง และในช่วงระหว่างนั้นจนถึงยุคเมจิ ภูเขาฟุจิได้ชื่อว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งห้ามผู้หญิงขึ้นเขา โดยในปัจจุบันภูเขาฟุจิเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ญี่ปุ่น ภูเขาฟุจิได้เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ซึ่งจะเห็นได้จากในงานเขียนหรือภาพวาดต่างๆ โดยเฉพาะภาพวาดของ โฮะกุไซ ที่มีให้เห็นในวรรณกรรมญี่ปุ่นและกาพย์กลอนที่สำคัญมากมาย ภูเขาฟุจิยังเป็นฐานทัพ เป็นที่ฝึกฝน ของซามูไรจากยุคอดีต ซึ่งในปัจจุบัน ฐานทัพหนึ่งของกองทหารญี่ปุ่นตั้งอยู่บริเวณตีนเขาฟุจิ
         ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม ของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ทางขึ้นก็มีหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นคะวะงุจิโกะกุจิ ฟูจิโนะมิยะกุจิ สุบาชิริกุจิ โกะเตนบะกุจิ เป็นต้น ใครที่ชอบปีนเขาก็ลองขึ้นดู ภูเขาฟูจิมีความสูง 3776 เมตร ถ้าเริ่มเดินขึ้นจาก โกะโกะเม ถึงยอดเขา จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง โดยเฉลี่ย และเวลาลงก็จะใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่ใครที่สนใจอยากจะปีนเขาฟูจิ ต้องเตรียมตัวและเครื่องมือให้พร้อมก่อน

รีวิวทัวร์ญี่ปุ่น นี้จะพาไป ชมภูเขาไฟฟูจิ ที่ฝั่งทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) โดยจะไปเที่ยวแบบเช้าไป – เย็นกลับจากโตเกียว
1. ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchi-ko) เน้นชมวิวแนวธรรมชาติ นั่งรถ Retro bus ชมวิวตามจุดต่างๆ ดูใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระตามฤดูกาล ทะเลสาบคาวากูจิโกะอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากกว่า ฮาโกเนะ (Hakone) จึงเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดกว่า มีกิจกรรมให้ทำเล็กน้อยเช่น ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิ
2. ฮาโกเนะ (Hakone) มีกิจกรรมหลายอย่างให้ทำ เช่นล่องเรือโจรสลัด (Hakone Sightseeing Cruise) ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว (Hakone Ropeway) ชิมไข่ดำ ข้อเสียของฮาโกเนะคืออยู่ไกลกับภูเขาไฟฟูจิมากกว่าทะเลสาบคาวากูจิโกะ จึงมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ไม่ชัดเท่าที่ทะเลสาบคาวากูจิโกะ โดยรวมแล้วฮาโกเนะน่าจะเหมาะกับเด็กๆ เพราะมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า
         ภูเขาไฟฟูจิ ในยามรุ่งอรุณที่สะท้อนบนพื้นผิวทะเลสาบ หรือยามเมื่อสุริยันต์สาดแสงให้ความอบอุ่น หรือเมื่อยามภูเขาไฟฟูจิล่องลอยท่ามกลางอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ภูเขาที่น่าอัศจรรย์นี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆ ฤดู และคงความงามน่าประทับใจ ซึ่งไม่เคยทำให้ใครหลายๆ คนผิดหวัง ในการมาเยือนฮาโกเนะเลยสักครั้งเดียว! ... อ่านต่อ


ที่มา www.yokosojapan.org / wikipedia.org

ก่อนที่จะเกิดเป็น ทัวร์จิ่วจ้ายโกว ได้นั้นก็แน่นอนว่า สถานที่นั้นๆต้องมีความสำคัญและน่าสนใจจริงๆ จนทำให้มีนักท่องเที่ยวหลายๆ คนอยากไปเที่ยว หรือสถานที่นั้นๆ มีประวัติศาสตร์ ความเป็นมายาวนานพอที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ และเมื่อมีคนเริ่มสนใจไปเที่ยวมากขึ้น ก็ทำให้เกิดบริษัททัวร์ในเมืองนั้นขึ้นมา ดังนั้นเรามาดูกันว่าจุดเด่นของอุทยานจิ่วจ้ายโกว มีอะไรกันบ้างจึงทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวกันมากมาย จนต้องมี ทัวร์จิ่วจ้ายโกว เพื่อนำนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมกันทุกปี

- เป็นเมืองที่มีทะเลสาบน้ำจืดขนาดน้อยใหญ่ จำนวนมากถึง 144 แห่ง
- มีใบไม้เปลี่ยนสีที่ดูงดงามในต้นฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณช่วง เดือนตุลาคม ของทุกปี ถือว่าเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมมากที่สุด)
- มีเทือกเขาที่ยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะที่งดงาม ในช่วงฤดูหนาว
- มีน้ำตกขนาดน้อยใหญ่และลำธารมากมายที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในหุบเขาของจิ่วจ้ายโกว
- มีหมู่บ้านทั้งเก้าของชนเผ่าต่างๆ ของชาวทิเบต
- จิ่วจ้ายโกว มีธารน้ำแข็งชนิดต่างๆ หุบเขากลายเป็นทะเลสาบ
- น้ำในทะเลสาบ ถือว่าเป็นจุดดึงดูดที่สุดในบรรดาสุดยอดความงามของทิวทัศน์จิ่วจ้ายโกว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ สีสัน ความหลากหลาย อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งใหญ่ ความงามอันน่าประหลาดของน้ำในจิ่วจ้ายโกวนั้น มีสาเหตุจากการที่แหล่งน้ำในบริเวณนี้มีการสะสมของธาตุแคลเซี่ยมเจือปนอยู่ ในปริมาณสูง อีกทั้งโดยมากเกิดกับพืชซึ่งจมอยู่ใต้ท้องน้ำ ทำให้ทะเลสาบและธารน้ำของที่นี่มีสีสันสดใสงดงามแปลกตา กว่าที่ใดใด จนกลายเป็นสิ่งสวยงามที่ยากจะหาชมได้ง่ายๆ

        จากจุดเด่นของเมืองจิ่วจ้ายโกวจะเห็นได้ว่ามีความน่าสนใจมากมาย หลักๆ จะเป็นความงดงามทางธรรมชาติ ป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร หิมะ รวมกับสายลมและแสงแดด ที่สะท้อนออกมาเป็นความงามที่หาชมได้ยากมาก ต้องมาที่จิ่วจ้ายโกวเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้ได้

        นั่นเป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะทำให้บริษัททัวร์ต่างๆ ต้องทำทัวร์เพื่อมาเที่ยวที่เมืองจิ่วจ้ายโกว ซึ่งแพคเกจทัวร์ก็มีราคาแตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าบริษัทไหนจะจัดทัวร์ที่ไหนบ้าง และมากันกี่วันกี่คืน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ในการเดินทางมาเที่ยวกับทัวร์จิ่วจ้ายโกว เพื่อที่จะได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน และซึมซับเอาบรรยากาศที่ครั้งหนึ่งในชีวิตจะได้มาสัมผัส

        ทัวร์จิ่วจ้ายโกว ก็จะเป็นความทรงจำหนึ่งที่คุณจะประทับใจไม่มีวันลืมได้เลย ... อ่านต่อ

ในยุคที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานหนัก เป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น ช่วงเวลาในการพักผ่อนสุดสัปดาห์ เพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวนั้นก็นับว่าเป็นรางวัลพิเศษที่จะช่วยเติมไฟในการ ทำงานให้กลับมาอีกครั้ง แต่ด้วยเวลาอันแสนน้อยนิดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาคำตอบดีดีว่า จะไปเที่ยวที่ไหนดี มีที่ไหนน่าไปบ้าง จะพักรีสอร์ทไหน ร้านไหนอร่อย

แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไป หากท่าน เดินทางไปกับเรา ทัวร์น่าน  แล้วคุณจะหลงเสน่ห์ชีวิตที่เนิบช้าในเมืองน่านแห่งนี้ เมืองที่สามารถเปลี่ยนคนตื่นสาย ให้รีบตื่นแต่เช้า เพื่อมาพบกับแสงแดดแรกของวันใหม่

ใครที่ชอบชีวิต Slow life ในเมืองน่าน ก็สามารถปั่นจักรยาน ไปไหว้พระธาตุแช่แห้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่าน หากจะเข้ามาในตัวเมืองก็แนะนำพระอุโบสถจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ วัดภูมินทร์ หรือหากอยากจะศึกษาประวัติศาสตร์อันงดงามของเมืองน่าน ก็แนะนำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน หากใครสนใจงานศิลปะ แวะไปที่ หอศิลป์ริมน่าน กันได้เลย หากยังไม่จุใจก็ขึ้นเขาไปชมวิวสวยๆ ณ จุดชมวิวเมืองน่านกันได้ ยามค่ำคืนหากอยากออกมาเดินเล่น ก็แนะนำที่ถนนคนเดินที่วัดหัวเวียงใต้ จะช็อป หรือชิม อาหารพื้นเมือง ก็ราคาไม่แพง ถือว่าเป็นการเดินทางเพื่อมาเติมเต็มให้กับชีวิต กันได้เลย

ใครที่ ชอบดื่มกาแฟ ที่น่านนั้นก็มี ร้านกาแฟน่ารักๆหลายร้านเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละที่ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความอร่อยของรสชาติกาแฟก็แตกต่างกันไป แต่ความหอม หวาน มันครบรสนั้น ก็ขึ้นอยู่กับร้านที่เราจะเลือกไป นั่งจิบกาแฟเบาๆ รับลมเย็นๆ มีทั้งกาแฟร้อน กาแฟเย็น และกาแฟสด มาเที่ยวทั้งทีจัดทั้งหมดนี่เลย

เดิน ทางมาไกลทั้งที จะไม่มีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่รัก เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่คุณเคารพ ก็จะแปลกๆอยู่นะ ยังไงลอง หาร้านขายของฝากกันดู อาจจะเป็นเสื้อเพ้นท์ลายกราฟิก ของที่ระลึก เข็มกลัด ถุงผ้า ก็น่าสนใจ

ที่นี่มีร้านทำเครื่องเงินโบราณด้วย ทั้งขันเงิน พาน ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ก็มีถือเป็นงานแฮนด์เมดที่น่าสนใจเช่นกัน

หาก ยังไม่จุใจ ก็ไปกันที่ศูนย์เครื่องเงินชมพูภูคา ที่นี่ก็มีเครื่องเงินสวยๆมากมาย ตุ้มหู แหวน กำไล สร้อยข้อมือ เข็มขัด นับเป็นสินค้าโอท๊อปขึ้นชื่อของเมืองน่านเขาเลยทีเดียว

อีกหนึ่ง อย่างสำหรับคนชอบเที่ยวที่ไม่ควรพลาดก็คือ โปสการ์ดสวยๆ ประทับตรายางสุดเก๋ ที่ควรจะซื้อหานำไปเป็นของฝากก็ได้ หรือจะซื้อเก็บสะสมไว้เองก็ดี ถ้าจะให้ดีกว่านั้นนะ แนะนำให้ลองเขียน ความประทับใจในเมืองน่านแห่งนี้ แล้วส่งถึงตัวเองดู รับรองว่าคุณจะได้พบความรู้สึกดีดีไปอีกแบบ ... อ่านต่อ